ท่ามกลางพลวัตรการเปลี่ยนแปลงของโลกในกระแสธารการพัฒนาและพลังขับของโลกาภิวัตน์ ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายในสังคมไทย และมีลักษณะซ้อนทับกันของการเปลี่ยนแปลงในมิติการเมือง เศรษฐกิจ ตลอดจนสังคมและวัฒนธรรม กลายเป็นปัญหาที่ไม่มีผู้ใดทำความเข้าใจและให้คำตอบต่อการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยได้อย่างแท้จริง ในขณะที่ผู้คนยังคงดำเนินชีวิตไปท่ามกลางความไม่รู้ในทุกด้าน เพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มิได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงในบางมิติ หากแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างและระบบความสัมพันธ์แบบองค์รวมของสังคมไทยเลยทีเดียว
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและมีส่วนกำกับชีวิตผู้คนในสังคมไทย ประการหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงความหมายและปฏิบัติการต่อ “พื้นที่” ของคนในสังคม โดยเฉพาะการกลายเป็นเมือง (Urbanization) ที่มุ่งพัฒนาด้วยฐานทางเศรษฐกิจและวัตถุต่าง ๆ เป็นหลัก ด้วยพลังอำนาจของรัฐและทุนที่ได้กระทำผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับเปลี่ยนกายภาพของเมือง ทำให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตทุกชีวิตในพื้นที่เมือง อย่างไม่มีทางออก เพราะรัฐและทุนได้สร้างวาทกรรมที่ทรงพลังในการแปรเปลี่ยนพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ชุดวาทกรรมที่อ้างว่าเป็นความรู้เท่านั้น หากแต่เป็นชุดวาทกรรมที่สร้างความหวังใหม่ ๆ ให้แก่ผู้คน เพื่อดึงดูดให้เข้ามาร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงตามความหมายของวาทกรรมนั้น ไม่ว่าจะเป็นเมืองน่าอยู่ (Healthy City) เมืองยั่งยืน (Sustainable City) และเมืองอัจฉริยะ (Smart City)
การตั้งหน้าตั้งตาในการพัฒนาเมืองของรัฐและทุนดังกล่าว มักวางอยู่บนมายาคติและจินตนาการถึงเมืองที่มีชนชั้นกลางเป็นแกนหลักและละเลยคนกลุ่มอื่น ๆ โดยไม่ได้พยายามที่จะตระหนักถึงผลกระทบของการพัฒนาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนที่มีความแตกต่างอย่างสลับซับซ้อน การขับส่งด้วยจินตนาการถึงเมืองในฝันได้เอื้อประโยชน์กับคนเฉพาะกลุ่ม ดังเช่นกลุ่มทุนได้ร่วมมือกับรัฐในการเปลี่ยนแปลง “พื้นที่” เพื่อตอบสนองการสะสมทุนของตนเองอย่างเต็มที่ เช่น ในรูปของการจัดตั้งบริษัทพัฒนาเมืองที่จังหวัดใหญ่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ รวมไปถึงเมืองใหญ่ในภาคอีสานอย่างขอนแก่น รวมไปถึงการขยายเขตการพัฒนาการคมนาคมขนส่งในทุกรูปแบบเพื่อเชื่อมโยงเมืองหลักและเมืองรอง จนเกิดผลกระทบในหลายพื้นที่ เช่น นครราชสีมา อุบลราชธานี และขอนแก่น
ท่ามกลางกระแสการพัฒนาที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของเมืองในภาคอีสาน จะเห็นได้ว่า “เมือง” ได้รับแรงกระแทกทั้งจากเครื่องจักรเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม และนโยบายการพัฒนาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา การศึกษาที่มุ่งตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวกลับมุ่งเน้นไปที่วัตถุรูปธรรมทั้งหลาย แต่กลับแช่แข็งความรู้ที่เกี่ยวกับ “ผู้คน” โดยเฉพาะคนตัวเล็กตัวน้อย ผู้ด้อยโอกาส และคนชายขอบ ในนาม “คนจนเมือง” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิถีชีวิตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนย้ายเข้าออกเมืองของผู้คนทั้งที่เต็มใจและไม่เต็มใจ การเมืองที่ขาดเสถียรภาพ การถูกกีดกันจากการพัฒนา อันนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำ และความไม่เป็นธรรมทางสังคม ซึ่งเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันจนแยกไม่ออก
จากปัญหาดังกล่าว ประกอบกับข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชน “คนจนเมือง” ในนามเครือข่ายฟื้นฟูประชาสร้างสรรค์ขอนแก่น ในการขอรับบริการวิชาการเกี่ยวกับความรู้ที่เท่าทันการพัฒนาเมืองขอนแก่น ดังนั้น หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนศาสตร์ โดยสาขาวิชาสังคมศาสตร์ (พัฒนาสังคม) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงคิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่เราควรต้องเติมเต็มประเด็นการศึกษาในทางสังคมศาสตร์ โดยมุ่งเติมเต็มความรู้แก่ “คนเมือง” ให้มีความรู้เท่าทันการพัฒนาตามสิทธิของความเป็นคนเมือง (Right to the City) อันชอบธรรม เพราะพื้นที่เมืองควรจะเป็นพื้นที่แห่งโอกาสของชนทุกชั้น และมีการปฏิบัติต่อกันในฐานะสมาชิกของสังคมอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ การเป็นปัญญาของสังคมที่ช่วยจุดไฟความรู้แก่ผู้คนตัวเล็กตัวน้อยดังกล่าว ยังถือเป็นการดำเนินงานให้สอดคล้องกับปณิธานของมหาวิทยาลัยที่กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยขอนแก่น 50 ปีแห่งการอุทิศเพื่อสังคม” และเป็นมหาวิทยาลัยของปวงชนคนอีสาน
This academic service project is the transfer of knowledge about the transformation from urban development to the people of Khon Kaen Municipality. To exchange views on the transition to urbanization and the impact of urban development of slum communities in Khon Kaen Municipality. It also encourages people in the Khon Kaen Municipality to participate in urban development as members of the city who have the right to participate as citizens (Right to the City) equally.